" ผิวแตกลาย " ถือเป็นปัญหาโลกแตกสุด ไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตัวเอง ปัญหานี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย หรือแม้กระทั่งคนที่ไม่เคยอ้วนหรือท้องมาก่อนก็ตาม เพราะ รอยแตกลายจะเกิดขึ้นเวลาที่ผิวหนังจำเป็นต้องยืดตัวมากกว่าอัตราการขยายของมันตามธรรมชาติแบบรวดเร็ว ซึ่งมันเห็นชัดเจนมาก...รอยแตกที่ยังใหม่ๆอยู่จะมีสีแดงออกม่วง แล้วค่อยๆจางไปเป็นสีขาว ถ้าผิวขาวก็มองไม่ค่อยออกหรอกแต่ถ้าเป็นคนผิวสีล่ะ ?
บางคนก็ปล่อยผ่านคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่สำหรับบางคนนี่อาจมีกรี๊ดบ้านแตกได้เลยแหละ แล้ววิธีรักษาก็ "ใช้เวลารักษาผิวยาวนานและหายยากเวอร์" อยากจะใส่ขาสั้นบิกินี่ อวดผิวสวยสุขภาพดีสู่ชาวโลกบ้างก็ต้องโดนทักโดนแซวตลอด ทำให้เสียความมั่นใจไปเลยก็มี ! วันนี้สำหรับใครที่เกิดปัญหาเดียวกันไม่ต้องกังวลอีกต่อไปละ เคลียร์รวบรวมเอาสูตร (ไม่) ลับจากธรรมชาติ แล้วยังรวบรวม 5 ครีมเทพๆแก้ผิวแตกลายที่คนเลือกใช้มากที่สุด และวิธีลดรอยแตกลายง่ายๆด้วยตัวเองมาฝากกันด้วย
มารู้จักผิวแตกลายกันซะก่อน
เกิดขึ้นได้อย่างไร
ผิวแตกลาย หรือ รอยแตกลาย เป็นรอยแยกบนผิวหนังที่เห็นได้ชัดมาก ทางการแพทย์เรียกกันว่า Stretch marks คือ ผิวแตกลายหรือ Striae คือ ร่อง/ลายเส้นขนาน ซึ่งเกิดจากการยืดเกิดจากเส้นใยคอลลาเจนในชั้นผิวมีการเรียงตัวผิดปกติจะเกิดขึ้นเมื่อผิวมีการยืดขยายอย่างรวดเร็ว เส้นใยอิลาสตินในชั้นหนังแท้ก็อาจจะยืดขยายตามไม่ทัน ทำให้ฉีกขาดได้ และมักจะเกิดที่ผิวหนังชั้นกลางในบริเวณที่มีไขมันสะสมอยู่มาก เช่น หน้าท้อง หน้าอก สะดือ ต้นแขน ต้นขา สะโพก และน่อง เป็นต้น
มีโอกาสเกิดขึ้นกับใครได้บ้าง
พบได้บ่อยที่สุดในคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ถึง 90 % มักเป็นบริเวณท้อง หน้าอก และขาอ่อน นอกจากนี้ยังพบได้ในกลุ่มคนที่ลดน้ำหนักลงแบบหักโหมรวดเร็ว ในวัยรุ่นที่กำลังโตอย่างรวดเร็วโดยมีผิวแตกลายที่ต้นขาด้านนอก หรือสะโพก อีกกลุ่มนึงก็คือ พวกนักกีฬาเพาะกายที่ต้องการมวลกล้ามเนื้อมากๆและโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และสุดท้ายก็คือการใช้ยาทาหรือยารับประทานในกลุ่มสเตียรอยด์เป็นระยะเวลานานๆ ทั้งยาลูกกลอนแบบชาวบ้าน ยาเถื่อน ครีมเถื่อนทั้งหลายตามที่เห็นในหน้าข่าว จะมีรอยแตกลายใหญ่มากตามบริเวณต่างๆหลายที่ ไม่เว้นแม้กระทั่งบนใบหน้านะจ้ะ
สรุปแล้วคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง คือ หญิงตั้งครรภ์ คนลดน้ำหนัก เล่นกล้าม คนอ้วน (ในเวลาอันรวดเร็ว) วัยรุ่นที่กำลังโต และคนที่ใช้ยาสเตียรอยด์ ใครที่รู้ตัวว่าเสี่ยงนี่ต้องหมั่นสังเกตผิวของตัวเองให้สม่ำเสมอ และเตรียมตัวรับมือกับไอ้เจ้ารอยแตกเอาไว้ได้เลย โดยเบื้องต้นควรทาครีมบำรุงผิวที่มีมอยเจอร์ไรเซอร์อย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 2-3 ครั้ง ก็จะช่วยลดปัญหาได้ส่วนนึง ถ้าเกิดรอให้ผิวแตกลายเมื่อไหร่ จะหาครีมมาโบกเท่าไรมันก็ยากที่จะกลับมาเหมือนเดิมแล้วนะจ้ะ
อาการเป็นอย่างไร
ระยะแรก ผิวหนังจะเกิดรอยฉีกหรือแยกเป็นเส้นสีแดงจากการยืดตัวของผิวหนังอย่างฉับพลันใหม่ๆในช่วงน้อยกว่า 1-2 เดือน หลังจากนั้นก็มีความเป็นไปได้อย่างมากที่รอยแผลเป็นเหล่านั้นจะเปลี่ยนไปเป็นสีม่วง ระยะต่อมา จะเริ่มมีสีอ่อนลงเรื่อย ๆ จนเป็นสีขาวขุ่น คล้ายกับแผลเป็น และสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งตอนมีรอยแตกแล้วก็คือ การปล่อยทิ้งไว้โดยไม่แก้ไขเลย เพราะหากไม่รักษาตั้งแต่เนิ่นๆจะทำให้หายยากขึ้นไปอีก ทีนี้แหละปัญหาใหญ่เลยจ้าบางคนอาจต้องทนอยู่กับผิวแตกลายไปตลอดชีวิตก็มีแกร๊ร ดังนั้นรักษาตั้งแต่ระยะแรกๆเถอะอาจจะหายได้ทัน
จริงๆแล้วการรักษาผิวแตกลายด้วยครีมทาผิวนั้นก็ช่วยได้ส่วนนึง แต่ยังไงก็ไม่หายถาวร ถ้าอยากหายถาวรนั้นก็ต้องลงทุนจ่ายไม่น้อยไปกับการรักษาด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่โดยแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ เช่น การเลเซอร์ การทำคาร์บ็อกซี่ ซึ่งเจ็บมากทั้งบวมช้ำอีก วิธีเหล่านี้สามารถทำให้จางลงได้ แต่ยังไง๊ ยังไง...ก็หนีครีมไปไม่พ้นหรอก สุดท้ายก็ต้องทาครีมต่อไปอยู่ดี
วิธีลดรอยแตกลาย
1.เปลี่ยนไลฟ์สไตล์แล้วหันมารักษาสุขภาพ
ต้องสำรวจตัวเราก่อนว่า เราตกอยู่ในภาวะน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐานรึเปล่า ? ถ้าใช่ก็ต้องหาวิธีลดน้ำหนักด่วนจี๋ก่อนที่จะเกิดเป็นรอยแตกลายที่ชัดเจนขึ้นและจะอยู่ยืนยาวด้วยนะ อันดับแรกเริ่มเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมโดยลองหันมาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะนอกจากจะช่วยทำให้รูปร่างดูดีขึ้นชัดเจนและทำให้ผิวที่ย้วยานมีความกระชับทำให้ผิวหนังที่เสี่ยงต่อรอยแตกลายให้จางลงได้ และช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีซึ่งเป็นการทำให้เซลล์ผิวหนังได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ มีแต่ข้อดีทั้งนั้น ดังนั้นลงมือทำซะตั้งแต่วันนี้ค่ะ
2.ดื่มน้ำมากขึ้น
น้ำเป็นวิธีที่ได้ผลเร็วที่สุดในการรักษารอยแตกให้จางลง ดื่มซักประมาณ 10 แก้วต่อวัน ยิ่งโดยเฉพาะคนที่หลงรักในการอาบแดดให้ผิวแทนแล้วนั้นยิ่งต้องจิบน้ำตามให้มากๆ ผิวจะนุ่มและมีความชุ่มชื้นกว่า ทำให้ผิวดูกระชับเปร่งปรั่งและสุขภาพดีกว่าเดิม (แต่บางคนที่ผิวหนังแห้งมาก และผนังชั้นขี้ไคลเสื่อม การดื่มน้ำเยอะๆก็ไม่ได้ช่วยอ่ะนะ) ยังช่วยเฟดร่องรอยนูนของรอยแยกพวกนั้น ยิ่งร่างกายไม่ขาดน้ำเท่าไหร่ยิ่งสามารถป้องกันไม่ให้เกิดรอยใหม่ๆด้วยนะตัวเธอ
3.พยายามควบคุมอาหารให้ได้ ไม่ตามใจปาก
การกินตามใจปาก หรือการกินตามความรู้สึก เป็นพฤติกรรมที่ทำให้อ้วนแบบไม่ต้องสงสัย ซึ่งบางครั้งไม่ได้กินเพราะหิวด้วยซ้ำ หรือบางคนกินเพราะตามเพื่อน ตามสังคมต่างๆแบบที่ร่างกายไม่ได้ต้องการจริงๆทำให้อาหารส่วนเกินกลายไปเป็นภาระของระบบต่างๆในร่างกาย ส่งผลกระทบไปถึงการเผาผลาญที่ทำงานได้ไม่เต็มที่ ไขมันอลังการก็ไปสะสมไว้ตามส่วนต่างๆของร่างกาย นั่นแหละที่มาของความอ้วน และถ้าอ้วนแบบเฉียบพลัน...ไอ้เจ้ารอยแยกแตกลายก็ตามมาสิจ้ะ !!! ดังนั้นควรจัดการกับพฤติกรรมการกินตามใจปากอย่างจริงจัง เช่น อย่างดกินอาหารเช้า เพราะช่วยลดอาการหิวระหว่างวันได้ แล้วรู้ป่ะ...คนที่อดอาหารเช้านี่อ้วนง่ายกว่าคนที่กินอาหารเช้าถึง 5 เท่านาจา ถ้าความหิวรนรานเกิดขึ้นระหว่างวันแน่นอน ทีนี้หล่ะกินยับแน่นอน
4.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
อาหารจำพวกโปรตีน เนื้อสัตว์ต่างๆ และวิตามิน ได้แก่ A C D และแร่สังกะสี มีหน้าที่ช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง เมื่อเกิดบาดแผลขึ้นมาจะช่วยเยียวยาให้รอยแผลหายไวขึ้น เช่น ข้าวกล้อง เมล็ดทานตะวัน เมล็ดพืช วุ้นเส้นไม่ฟอกขาว งา มันฝรั่ง ผักใบเขียวต่างๆ เป็นต้น พยายามหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มจำพวกชาและกาแฟจะดีกว่า
5.ไม่อาบน้ำอุ่นและไม่เกาผิวเป็นอันขาด
การอาบอุุ่นหรือน้ำร้อนจัด อาจทำให้ผิวแห้งเสีย แห้งลอก และรูขุมขนกว้างขึ้น เพราะน้ำอุ่นจะชะล้างน้ำมันบนผิวออกไปมาก ทำให้ผิวแห้งเสียเกิดการระคายเคืองมาก บวกกับการเช็ดถูหรือเกาผิวแรงยิ่งทำให้ผิวลอกเป็นขุยอีกด้วย ทางที่ดีระยะเวลาในการอาบน้ำอุ่นไม่ควรนานเกิน 30 นาทีและปิดท้ายด้วยการอาบสลับกับน้ำเย็น เพื่อปิดรูขุมขน ปรับสมดุลของผิวหนัง ทำให้ผิวแห้งเสียน้อยลงได้และจบงานด้วยทาครีมบำรุงผิวเพื่อเพิ่มความชุ่นชื้น ทำตามนี้รับรองว่าได้ผล
6.ทาครีมบำรุงเป็นประจำ
แม้การใช้ครีมรักษารอยแตกลายจะไม่ทำให้รอยแตกลายหายไปถาวร แต่มันก็สามารถช่วยทำให้ดูจางลงได้ซึ่งเห็นผลชัดเจนที่สุดและเป็นวิธีรักษารอยแตกลายวิธีแรก ๆที่ทุกคนสามารถทำได้เองที่บ้านง่ายๆไม่ต้องไปหาอุปกรณ์มากมาย โดยให้เน้นความสม่ำเสมอ ข้อควรระวังคือ อย่าปล่อยให้บริเวณที่ผิวแตกลายแห้งเป็นอันขาด !! ไม่งั้นมีลุกลามลามมากกว่าเดิมก็ได้ ส่วนผลิตภัณฑ์ตัวไหนได้ผลดีที่สุดนั้นถือเป็นการบ้านที่ต้องลองกันเอง ครีมบางตัวเห็นผลกับบางคน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความสาหัสของรอยแตกของแต่ละคนด้วย ! ส่วนตัวเคลียร์แนะนำครีมแบรนด์ Jergens เลยค่ะ มอยส์เยอะเวอร์ ช่วยผิวชุ่มชื่นอลังการลดรอยแตกลาย แก้หน้าท้องหย่อนยานหลังคลอดใช้ดี ปลื้มปริ่มมากก !! ราคาก็เริ่มต้น 200 กว่าบาทนี่แหละ หาซื้อง่ายตามร้านขายยาหรือร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วเลย
7.เลิกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสเตียรอยด์หรือพวกสารฟอกขาวปนเปื้อน
สารสเตียรอยด์ (steroid) นี่เป็นตัวการตัวดีเลยที่ก่อให้เกิดรอยแตกทั้งหลายเลยจ้ะ สมัยนี้มีผู้ผลิตหลากหลายที่ผสมสารสเตียรอยด์ที่ไม่ได้มาตรฐานและไม่ได้ผ่านการรับรองจาก อย. ซึ่งผลข้างเคียงคือน่ากลัวมาก เคยเห็นข่าวตามเพจต่างๆเกี่ยวกับ ครีมเร่งผิวขาวของหลายๆแบรนด์ในปัจจุบันที่ผสมเตียรอยด์ถ้าใช้ไปนานๆจะทำให้ผิวหนังบาง เกิดอาการช้ำง่าย เส้นเลือดที่ผิวหนังแตกง่าย มีรอยแตกสีม่วงแดงตามลำตัว ซึ่งอาการรุนแรงมาก ดังนั้นเลิกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐานเด็ดขาด ไม่งั้นผิวพังแน่นอนรักษายากด้วย !!!
รวม 5 ครีมยอดฮิตแก้ผิวแตกลายที่คุณผู้หญิงเลือกใช้มากที่สุด
1. Bio Oil เป็นออยล์เทพยอดฮิตที่สาวๆนึกถึงอันดับต้นๆ ซึมเข้าสู้ผิวง่ายและพีคตรงผิวไม่มันด้วยแล้วสามารถจัดการกับเจ้าปัญหารอยแตกลาย รอยแผลได้อย่างชัดเจน ปากต่อปากเค้าว่า หน้านุ่มเหมือนก้นเด็ก อ่อนเยาว์ ผิวพรรณดูสุขภาพดี เรียบเนียนสม่ำเสมอ สรรพคุณจัดว่าเริ่ดดดด ราคาประมาณ 320 - 600 บาทเอ๊งง....
2. Nivea Creme ไอเท็มตัวท็อปที่ทุกคนรู้จักโดยทั่วกันว่า "มอยส์เจอร์ไรเซอร์เน้นๆ" เนื้อครีมมีความเข้มข้น เนื้อสัมผัสเกลี่ยยากถ้าหากใช้เป็นปริมาณเยอะ ต้องค่อยๆทาในปริมาณพอดีแล้วทาซ้ำหลังจากใช้ได้ระยะหนึ่ง ช่วยลดความแห้งกร้าน และผิวชุ่มชื้นขึ้น เต่งตึงขึ้นมาทันที แต่ในช่วงอากาศร้อนถ้าใช้ในปริมาณเยอะก็อาจจะแอบเหนอะซะหน่อย แต่นั้นก็ไม่ใช่ปัญหาจ้าถ้าเทียบกับผลลัพธ์ที่เกินคาด กับราคาที่น่ารักจุ๋มจิ๋มแค่ 60 บาทเท่านั้น !!
3. Refer Whitening Stretch Mark Remover Cream เป็นครีมที่สรรพคุณชัดเจนว่า ช่วยลดรอยแตกที่ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนังด้วย และจะเห็นดีผลดีกว่าถ้าทาครีมเพื่อปกป้องไม่ให้ผิวแตกลายแต่เนิ่นๆเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ผิวดูเนียนนุ่ม และยืดหยุ่น เค้าเคลมไว้ด้วยว่า รอยแตกลายจะจางลงใน 8 สัปดาห์ เนื้อครีมข้นนืดหน่อย สีขาว ใช้ได้ทั้งป้องกับและฟื้นฟูถ้าทาครีมและนวดทั่วบริเวณที่มีปัญหาเป็นประจำต่อเนื่อง รับรองว่าเห็นผลในเร็ววันค่ะ รีบตำกันเร็วแค่ 280 บาทเองจ้ะ
4. Palmer’s Cocoa Butter Formula แบรนด์นี้เค้ามีหลายตัวเลือกสุด แถมคนใช้แล้วได้ผลชัดเจนโดยเฉพาะคุณแม่ทั้งหลายปลื้มปริ่มเป็นอย่างยิ่ง ตัวครีมเป็นเนื้อโลชั่น กลิ่นเชียร์บัตเตอร์เด่นมาก ใช้ทาบริเวณเจ้าปัญหาเลย เช่น แขน ขา ด้านข้างเอว ทาทั้งวันเลยก็ได้แล้วแต่เรา บางคนใช้วิธีทาแทนโลชั่นบำรุงผิวไปเลยเน้นนวดเอา สำหรับตัวเข้มข้นสูงเหมาะสำหรับฟื้นฟูรอยแตก ก็คือ ตัว Palmer’s Cocoa butter Massage Cream for stretch marks ค่อนข้างข้นหน่อย กลิ่นหอมดีงาม ทำให้ผิวมีน้ำมีนวล เพิ่มความชุ่นชื้นจัดว่าดีราคาเริ่มต้น 399 บาท
5. Provamed Stretch Mark Cream ครีมทาผิวตัวท็อปสูตรเข้มข้นพิเศษที่หาซื้อง่ายได้ผลจริงในราคาน่ารัก ครีมสีขาวเข้มข้น ไม่เหนอะหนะ ซึมเข้าผิวได้ดีสุด ใช้แล้วผิวสุขภาพดีมว้ากเหมาะอย่างยิ่งกับคนที่มีปัญหาผิวแตกลายงาตามร่างกาย ทำให้ผิวนุ่ม กระชับเรียบเนียนและยืดหยุ่น แหม...สรรพคุณครบเครื่องสาวๆก็เทคะแนนให้เจ้าตัวนี้เป็นอันดับต้นๆเหมือนกันราคาประมาณ 300 กว่าๆนี่แหละ
สูตร(ไม่)ลับลดรอยแตกลายจากธรรมชาติ
1.ไข่ขาว
ส่วนผสมจากธรรมชาติที่บอกกันปากต่อปากว่า " ดี๊ง๊ามม " แล้วสารพัดประโยชน์นอกจากจะใช้สำหรับพอกหน้าเพื่อกำจัดสิวเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่รู้หรือไม่ว่าเจ้าไข่ขาวนี่แหละก็สามารถช่วยจัดการกับรอยแตกลายงาได้ เพราะมีกรดอะมิโน และโปรตีนในไข่ขาวมีผลช่วยซ่อมแซมผิวหนังที่เสียหาย อาจจะเห็นผลภายใน 2-3 สัปดาห์
โดยวิธีนี้อาจจะยุ่งยากหน่อย คือ นำไข่ขาวมา 2 ฟอง ตีหรือคนให้เข้ากันจนเป็นฟอง แล้วก็ใช้แปรงแต่งหน้าหรือมือเรานี่แหละชุบลงไปในไข่ขาวทาบริเวณรอยแตก รอให้แห้งเองประมาณ 10-15 นาทีแล้วล้างออก จากนั้นทาครีมบำรุงทับไปอีกที ไม่นานเกินรอผิวก็จะกลับมาเนียนใสดังเดิม 😛
2. การขัดหรือสครับผิว
เป็นอีกวิธีหนึ่งเหมือนกันสามารถขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป และกระตุ้นเซลล์ผิวหนังใหม่ให้ขึ้นมาทดแทนผิวเดิมได้ แต่ให้ทำแค่ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์พอ หรือหาสูตรสครับผิวจากธรรมชาติทำได้เองที่บ้าน เช่น
น้ำตาล มันเป็นส่วนผสมที่หาง่ายที่สุดสำหรับแก้รอยแตกลายงา แต่ต้องนำมาป่นเล็กน้อยก่อนที่จะใช้ขัดผิวซะก่อน แล้วเอาน้ำตาลป่นมา 1 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำมันอัลมอนด์และน้ำมะนาวคนให้เข้ากันง่ายนิดเดียว นำมาทาบนรอยแผลโดยตรง ถูให้ซึมลงบริเวณผิวประมาณ 10 นาที แล้วล้างออก จะได้ผลดีที่สุดต้องทำอย่างสม่ำเสมอก่อนอาบน้ำทุกวัน 1 เดือนเต็ม
มะนาวหรือเลมอน สารพัดประโยชน์ที่มีติดตู้เย็นทุกบ้าน แถมวิตามิน C เน้นๆ คือ บีบ/คั้นเอาน้ำมะนาวผสมกับดินสอพองแล้วทาบริเวณผิวแตกลาย ทิ้งไว้ซัก 5 - 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น แนะนำให้ทำสัปดาห์ละครั้งจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้อาการแตกลายบนผิวจางลงได้ด้วยจ้ะ
ขมิ้นผสมมะขาม ผสมขมิ้นกับมะขามมาแล้วใช้ขัดนวดผิว รับรองผิวขาวใส รอยแตกจางลง ผิวนุ่มน่าสัมผัสแน่นวลลล
3.ใช้น้ำมันจากธรรมชาติ
น้ำมันจากธรรมชาตินี่แหละที่เป็นไอเท็มบำรุงผิวที่ดีสุดๆ เพราะมันสามารถช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นและป้องกันผิวแตกลายได้ ส่วนมากเค้านิยมเลือกมาใช้คงหนี้ไม่พ้นเป็นน้ำมันมะกอกและน้ำมันมะพร้าว จริงๆแล้วนอกจากนี้ยังเลือกน้ำมันอื่นๆได้ เช่น น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันอะโวคาโด น้ำมันงามาบำรุงผิวแตกลายได้เหมือนกัน โดยเอามาชโลมผิว 20 นาที ซึ่งสารสกัดจากธรรมชาติเหล่านี้อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ สารต้านอนุมูลอิสระ ด้วยเหตุที่มันเป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ตามธรรมชาติไม่จำเป็นต้องล้างออกก็ได้ สูตรเคลียร์เลย เราใช้น้ำมันมะพร้าวทาและนวดใช้แทนครีมทาผิวเลยจ้าาา....หรือทำให้น้ำมันอุ่นเล็กน้อย แล้วทาจะทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้นด้วย ฟินแกร๊รรร
4.ว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้ เป็นไอเท็มจากธรรมชาติที่สารพัดประโยชน์ ช่วยรักษาแผลแตกลายได้ดีเลยจ้า ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินอีที่จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และลดเลือนริ้วรอยต่างๆ ไปตัดว่านหางมาจากต้นสดๆ ลอกเปลือกออกแล้วเอาแต่วุ้นภายในไปแช่ตู้เย็นไว้สักครึ่งชั่วโมง มาแล้วใช้เจ้าวุ้นๆมาถูบริเวณเจ้าปัญหาซะให้สม่ำเสมอเช้าเย็นติดต่อกัน ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด แต่จะใช้ได้ผลเฉพาะกับผิวที่เริ่มแตกลายเท่านั้น ไม่นานก็จะพบความเปลี่ยนแปลงอย่างไม่น่าเชื่ออ่ะจ้ะ
5.มันฝรั่ง
อาจะฟังดูไม่คุ้นหูซะหน่อย แต่วิธีนี้ก็ถือเป็นวิธีฮิตอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยได้จริงเหมือนกัน ลดรอยแตกลายได้แกร๊รร มันฝรั่งมีวิตามินและเกลือแร่ที่ช่วยเร่งฟื้นฟูเซลล์ผิวได้ดีงามมาก ลองตัดมันฝรั่งเป็นไซส์กลางเป็นชิ้นหนาหน่อย เอามาถูเบาๆ บนรอยยืดแล้วพอกไว้ซัก 5 -7 นาที ปล่อยทิ้งไว้จนกว่าจะแห้งแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ไปลองเลยค่ะเค้าว่าได้ผลดีไม่แพ้กันเด้อ
สุดท้ายนี้อยากให้กำลังใจกับทุกคนที่มีปัญหารอยแตกลายทั้งหลายค้นหาวิธีแก้ที่เข้ากับตัวเองมากที่สุดแล้วปรับใช้เอา และต้องใช้ความอดทนสูงมาก ถ้าเป็นไปได้รีบจัดการกับรอยแตกลายตั้งแต่เนิ่นๆจริงๆแต่ก็ไม่ใช่ว่าถ้าเกิดแล้วจะหายไม่ได้ และอย่ากังวลมากจนเกินไปไม่งั้นเครียดนาจา ค่อยๆรักษาๆและให้เวลากับมันเดี๋ยวมันก็หายไปเองโดยธรรมชาติ หรือถ้ากังวลใจซะเหลือเกินรอไม่ไหวแล้วรู้สึกว่าวิถีธรรมชาติมันเอาไม่อยู่จึงค่อยหาวิธีศัลยกรรมกำจัดรอยแตกลายแบบเร่งด่วนเอานะ 🙂
Leave a Reply